มาริโกะ ศึกมหาล่าอาณานิคมโลก - นิยาย มาริโกะ ศึกมหาล่าอาณานิคมโลก : Dek-D.com - Writer
×

    มาริโกะ ศึกมหาล่าอาณานิคมโลก

    เขากะลา เป็นสถานที่ที่มีความเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวในประเทศไทย แสงสว่างสีม่วงเจิดจ้าก็ปรากฏขึ้นจากปากถ้ำแห่งหนึ่ง ประตูมิติขนาดใหญ่ที่ดูน่ากลัวก็เปิดออก กองทัพแมงป่องเอเลี่ยนผู้ล่าอาณานิคมก็บุกเข้ามา

    ผู้เข้าชมรวม

    55

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    10

    ผู้เข้าชมรวม


    55

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    3
    จำนวนตอน :  4 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  24 ต.ค. 67 / 17:48 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    มาริโกะ

    ศึกมหาล่าอาณานิคมโลก

    ตอนที่ 1: ประตูมิติสู่หายนะ

    เขากะลา เป็นสถานที่ที่มีความเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดนครสวรรค์. ความเชื่อนี้เกิดขึ้นจากคำบอกเล่าของผู้มาร่วมทำกิจกรรมในบริเวณเขากะลา โดยมีการพูดว่าเคยเห็นจานบิน UFO ของมนุษย์ต่างดาวบริเวณนี้.

    เขากะลา ตั้งอยู่ระหว่างตำบลเขากะลา อำเภอพยุหะคีรี และตำบลพระนอน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์.

    จากความเชื่อเดิม เดิมทีเขากะลาเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ แต่ต่อมามีกลุ่มศึกษาเพื่อการเตือนภัยเขากะลา ที่มีความเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวมาปรากฏตัวอยู่บ่อย

    บางคนถึงขั้นบอกว่าสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ผ่านการเข้าทรง ทางการนั่งสมาธิหรือทางโทรจิต และบางคนมีการผนวกความเชื่อมนุษย์ต่างดาวกับการรักษาโรคลงไปด้วย.

    มีการบุกพิสูจน์ถึงถิ่นเรื่องของมนุษย์ต่างดาว ณ "เขากะลา" โดยทีมงานข่าวและนักข่าวสายผจญภัยหรือสายล่าท้าความจริง ซึ่งพบว่ามีวัตถุปริศนาบินผ่านไปมาหลายลำ และบางคนถึงขั้นเห็น UFO ทุกวัน.

    ปัจจุบันเขากะลา เปิดให้ท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์เท่านั้น โดยไม่อนุญาตให้พักค้างแรมหรือทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหาย.

    เขากะลาเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวมุมสูงและสักการะพระพุทธรูปและพระพรหมประดิษฐานอยู่บริเวณนี้ แต่ต้องเดินเท้าขึ้นไปเท่านั้น.

    ตุ๊กกับติ๊ก สองเพื่อนซี้ ตุ๊กเป็นสาวน้อยหน้าตาสดใส  ส่วนติ๊กเป็นสาวร่างหมีน้อยตัวอ้วนกลม  ตื่นเต้นกับการเดินทางไปเขากะลา จังหวัดนครสวรรค์เป็นที่สุด! 

    เช้าวันนั้น  พวกเธอออกจากที่พักซึ่งเป็นบ้านของตุ๊ก ขึ้นรถเมล์ใกล้บ้านแล้วก็ไปต่อรถไฟฟ้าสายสีชมพู จากใจกลางกรุงเทพฯ  ตึกสูงระฟ้าค่อย ๆ เล็กลงไปทีละนิด   

    ตุ๊กสะพายเป้สีเขียวเข้มลายพรางใบใหญ่  ส่วนติ๊กก็เป็นเป้สีน้ำเงินใบใหญ่เหมือนกัน  ความตื่นเต้นทำให้พวกเธอดูไม่นิ่งไปตลอดทาง

    รถไฟฟ้าพาพวกเธอมาถึงสถานีรถไฟที่บางซื่อ  จากนั้นพวกเธอก็ต่อรถไฟไปนครสวรรค์  ระหว่างทาง ทิวทัศน์เปลี่ยนไปอย่างน่ามหัศจรรย์ จากตึกสูงใหญ่  กลายเป็นทุ่งนาสีทองอร่าม  ต้นข้าวสาลีโบกสะบัดไปตามสายลม  บางช่วงก็เป็นป่าไผ่เขียวชอุ่ม  มองเห็นควายกำลังกินหญ้าอย่างสงบ  และเด็กๆ วิ่งเล่นไล่จับกันอย่างสนุกสนาน  ตุ๊กกับติ๊กมองดูอย่างเพลิดเพลิน  บางครั้งก็เอานมกล่องออกมาดื่ม  พร้อมกับขนมปังกรอบๆ

    รถไฟจอดที่สถานีชุมทางแห่งหนึ่ง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลิ่นหอมของอาหารลอยมาแตะจมูก  มีเวลามากพอสมควรกว่ารถไฟที่จะต่อไปนครสวรรค์ออกเดินทาง พวกเธอจึงลงไปสำรวจบริเวณใกล้ ๆ สถานี และพบกับร้านอาหารเล็ก ๆ ริมทาง มีป้ายเขียนว่า “ครัวคุณยาย” ตุ๊กกับติ๊กสั่ง “ก๋วยเตี๋ยวเรือ” น้ำซุปหอมเครื่องเทศ  รสชาติเข้มข้น  เส้นเหนียวนุ่ม  ติ๊กชอบมาก ส่วนตุ๊กก็สั่ง “ข้าวเหนียวมะม่วง” เพิ่ม มะม่วงนั้นหวานฉ่ำ ข้าวเหนียวก็หอมนุ่ม อร่อยจนแทบจะลืมเวลา

    หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว พวกเธอก็กลับขึ้นรถไฟ ทิวทัศน์เริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง ภูเขาสีเขียวเข้มโผล่ขึ้นมา ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม  อากาศเย็นสบาย  ตุ๊กกับติ๊กตื่นเต้นมาก  เพราะพวกเธอรู้สึกเหมือนกำลังเข้าใกล้เขากะลาเข้าไปทุกที

    “เดี๋ยวก็ได้เจอนกแล้ว ไม่ได้เจอกันมา 2-3 ปี ตั้งแต่นกย้ายกลับมาอยู่บ้านเกิดที่จังหวัดนครสวรรค์ เห็นนางจะเอารถกระบะคันเก่าของพ่อมารับพวกเราแล้วขับไปเที่ยวเขากะลากัน” ติ๊กพูดขึ้นมา

    “ดีจัง เมื่อก่อนพวกเราสามคน เป็นสามสหายตั้งแต่วัยเรียน ก็ท่องเที่ยวไปไหนต่อไหนด้วยกัน ตอนนกยังทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกันกับพวกเรา มันก็ต้องลาออกมาเพื่อกลับมาดูแลพ่อแม่และร้านค้าของครอบครัว ทำให้พวกเราก็ขาดเพื่อนขาลุยไปไม่ครบสามคน” ตุ๊กเสริมขึ้นมา

    ในที่สุด รถไฟก็มาถึงสถานีนครสวรรค์

    เสียงหวูดรถไฟดังยาว ตุ๊กและติ๊กก้าวลงจากขบวนรถ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางอันยาวนานค่อยๆ คลายลงเมื่อสายตาของพวกเขาไปหยุดอยู่ที่ร่างเล็กๆ ที่ยืนรออยู่  นก เพื่อนวัยเรียนและเพื่อนร่วมงานเก่า ยืนโบกมือให้ด้วยรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าที่คุ้นเคย แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่สายสัมพันธ์ของพวกเขายังคงเหนียวแน่น

    “ตุ๊ก! ติ๊ก!” เสียงนกตะโกน ด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความดีใจ ทั้งสามคนวิ่งเข้ากอดกัน ความอบอุ่นของมิตรภาพ ความคิดถึงที่อัดแน่น ถูกถ่ายทอดผ่านอ้อมกอดนั้น เสียงหัวเราะดังขึ้น เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุข และความทรงจำดีๆ ที่พวกเขาเคยสร้างร่วมกัน

    “คิดถึงพวกแกจังเลย” นกพูด น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย เพราะความตื้นตันใจ “ฉันเตรียมของอร่อยๆ ไว้รอพวกแกแล้วนะ”

    “เราเองก็คิดถึงแกเหมือนกัน” ตุ๊กตอบ  “เดินทางมาไกล เหนื่อยมากเลย”

    ติ๊กพยักหน้าเห็นด้วย “แต่พอได้เจอแกแล้ว เหนื่อยหายเป็นปลิดทิ้งเลย”

    นกหัวเราะเบาๆ “งั้นไปกันเถอะ ฉันขับรถกระบะคันเก่าของพ่อมา อาจจะไม่สะดวกสบายเท่าไร แต่รับรองว่าถึงที่หมายอย่างแน่นอน”

    ทั้งสามคนเดินไปยังรถกระบะคันเก่า สีซีดจาง  แต่สะอาดสะอ้าน  นกเปิดประตูให้ตุ๊กและติ๊กขึ้นนั่ง  ก่อนจะขึ้นไปนั่งข้างๆ  และขับรถออกไป ท่ามกลางสายตาที่มองตาม และเสียงหัวเราะที่ยังคงดังอยู่ภายในรถ 

    การเดินทางครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การเดินทางไปเที่ยว แต่เป็นการเดินทางกลับสู่มิตรภาพ สู่ความทรงจำ  และสู่ความสุขที่พวกเขาจะเก็บไว้ในใจตลอดไป

    เสียงเครื่องยนต์กระบะเก่าครางหอบๆ ดังสอดแทรกเสียงหัวเราะร่วนของตุ๊กและติ๊กที่นั่งเบาะหลัง  นกบีบแตรรถเบาๆ เป็นจังหวะ  สายลมพัดผ่านหน้าต่างรถเปิดโล่ง  พัดพาเอาความสดชื่นจากท้องทุ่งนาสีเขียวขจีเข้ามาภายในห้องโดยสาร  กลิ่นหญ้าแห้งปนกลิ่นดินโคลนอ่อนๆ  เป็นกลิ่นที่คุ้นเคยสำหรับทั้งสามคน  มันคือกลิ่นของบ้าน  กลิ่นของความทรงจำ

    เส้นทางจากสถานีรถไฟนครสวรรค์สู่เขากะลาค่อนข้างไกล  แต่ระยะทางกลับไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขา  การได้นั่งรถด้วยกัน  ได้พูดคุยหัวเราะ  แลกเปลี่ยนเรื่องราว  ทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ตุ๊กเล่าเรื่องตลกที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทาง  ติ๊กเล่าเรื่องราวประสบการณ์การทำงาน  ส่วนนกก็ขับรถไปเรื่อย ๆ  แทรกเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ  สร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนทั้งสองเป็นระยะ

    ระหว่างทาง พวกเขาแวะซื้อขนมและเครื่องดื่มที่ร้านค้าเล็กๆ ริมทาง  ขนมไทยโบราณ น้ำอ้อยหวานฉ่ำ  และกาแฟร้อนๆ  ถูกจัดวางอย่างเรียบง่ายบนกระบะหลังรถ  กลายเป็นมื้อกลางวันง่ายๆ  แต่เต็มไปด้วยความสุข  พวกเขานั่งล้อมวงกันบนพื้นหญ้า  ท่ามกลางท้องทุ่งนาเขียวขจี  ลมเย็นๆ พัดผ่าน  สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลาย

    เมื่อมาถึงเขากะลา ทิวทัศน์ที่งดงามตระการตา ทำให้ทั้งสามคนถึงกับตะลึง ภูเขาสูงชัน ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา  สายหมอกบางๆ ลอยอยู่เหนือยอดเขา ดูราวกับภาพวาดฝีมือศิลปินผู้เชี่ยวชาญ พวกเขานั่งชมวิว สูดอากาศบริสุทธิ์ 

    วิวทิวทัศน์ที่นี่ช่างสวยงาม อากาศสดชื่น ตุ๊กกับติ๊กประทับใจมาก  พวกเธอปีนเขา  เล่นสนุก ถ่ายรูป  และเก็บเกี่ยวความทรงจำดี ๆ  มากมาย

    เสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว เสียงลมพัดผ่านใบไม้ เสียงพูดคุยหัวเราะของพวกเขา ผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัว  สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง  พวกเธอใช้เวลาอยู่บนเขากะลาจนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ  แสงสีทองอร่ามสาดส่องลงมาบนยอดเขา  สร้างภาพที่งดงามและน่าประทับใจ 

    เสียงหัวเราะของตุ๊ก ติ๊กและนก ดังก้องไปทั่วภายในรถกระบะคันเก่า  สามเพื่อนซี้ต่างพากันตื่นเต้นและสนุกสนานกับการเดินทางครั้งนี้  เดิมทีเป้าหมายของพวกเธอที่มาเขากะลา ส่วนหนึ่งก็เหมือนมาสร้างบรรยากาศการผจญภัยร่วมกันอีกครั้ง เพราะเขากะลายังเป็นเหมือนสถานที่ลึกลับที่เล่าขานกันว่าอาจเป็นจุดเชื่อมต่อกับมนุษย์ต่างดาว

    “ติ๊ก ฉันว่าเราจะเจอมนุษย์ต่างดาวจริง ๆ นะ” ตุ๊กพูดพลางมองไปที่เขากะลาที่อยู่เบื้องหน้า รูปทรงแปลกตาของภูเขาทำให้จินตนาการของเขาบินสูง

    “อย่ามโนมาก  ตุ๊ก แต่ก็หวังว่าจะเจออะไรสนุก ๆ บ้าง” ติ๊กตอบกลับด้วยรอยยิ้ม  แม้เธอจะไม่เชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวเท่าตุ๊ก  แต่ความตื่นเต้นก็มีไม่น้อยไปกว่ากัน

    พวกเธอใช้เวลาอยู่บนเขากะลาจนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ  แสงสีทองอร่ามสาดส่องลงมาบนยอดเขา  สร้างภาพที่งดงามและน่าประทับใจ  ก่อนที่พวกเธอจะเดินทางกลับ  ด้วยความทรงจำที่สวยงาม  และมิตรภาพที่แน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม  นั่นคือการเดินทางสั้นๆ  แต่เต็มไปด้วยความสุขและความทรงจำ  ที่พวกเขาจะจดจำไปตลอดชีวิต 

    ทว่า  ความตื่นเต้นของพวกเธอกลับกลายเป็นความหวาดกลัวในพริบตา  ขณะที่พวกเธอกำลังจะเดินทางกลับไปพักที่บ้านของนกในตัวเมือง  พลันแสงสว่างสีม่วงเจิดจ้าก็ปรากฏขึ้นจากปากถ้ำแห่งหนึ่งที่เชื่อกันว่ามีเหล็กไหลอยู่  จากนั้น ประตูมิติขนาดใหญ่ บิดเบี้ยวและดูน่ากลัว ก็เปิดออก เผยให้เห็นกองทัพมนุษย์ต่างดาวรูปร่างประหลาดคล้ายแมงป่องขนาดใหญ่  มีผิวสีเขียวลายพราง  ดวงตาสีแดงก่ำ ฟันกรามแหลมคม  และอาวุธล้ำยุคในมือ เดินแถวออกมาจากประตูพร้อมกับยานรบรูปร่างแปลกประหลาดคล้ายแมงป่องสีดำสนิทที่มีขนาดพอมนุษย์หนึ่งคนโดยสารได้ บินเรี่ยพื้นดินตามออกมา

    พวกมันทะลักออกมาจากประตูมิติราวกับฝูงตั๊กแตน พวกมันหิวกระหายทรัพยากรและพร้อมที่จะทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง

    เสียงระเบิดดังสนั่น  พื้นดินสั่นสะเทือน มนุษย์ต่างดาวเหล่านั้นบุกโจมตีอย่างไม่ปราณี  ยานรบรูปทรงแปลกประหลาดบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและพุ่งลงมาอีกที  ยิงทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า  กองกำลังของพวกมันบุกเข้ามาอย่างดุเดือด  อาวุธทรงพลังทำลายล้างอาคารบ้านเรือน  และสิ่งมีชีวิตต่างๆ  อย่างไม่เลือกหน้า

    บนฐานลับใต้ภูเขา เสียงเตือนภัยดังก้องขึ้น  เหล่ามนุษย์ต่างดาวฝ่ายดีผู้คอยพิทักษ์โลกกลุ่มหนึ่ง มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงมนุษย์เนื่องจากต้องกลมกลืนอยู่กับมนุษย์โลกด้วยความสงบและคอยให้การคุ้มครองภัยจากนอกโลก พวกเขาเรียกตัวเองว่า "Guardians of the Earth"  ต่างเตรียมพร้อม  พวกเขาสวมชุดเกราะสีเงินสะท้อนแสง  อาวุธพลังงานทรงพลังอยู่ในมือ  นำโดยผู้บัญชาการสทา หญิงสาวต่างดาวผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การรบและมีจิตใจที่เข้มแข็ง

    สทามองผ่านจอภาพขนาดใหญ่ เห็นภาพเหล่าแมงป่องเอเสี่ยนผู้โหดร้าย กำลังบุกโจมตีหมู่บ้านเล็กๆ  เผาทำลายบ้านเรือนและสังหารมนุษย์อย่างโหดเหี้ยม  ความโกรธแค้นปะทุขึ้นในดวงตาของเธอ 

    "อย่าปล่อยให้พวกมันทำลายโลกและมนุษย์ที่เราปกป้องอยู่ได้!"  เธอตะโกนสั่งการ  "เตรียมยิง!"

    ลำแสงพลังงานสีฟ้าสว่างวาบ ยานรบของ Guardians of the Earth  ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน  พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า  การต่อสู้ดุเดือดเริ่มต้นขึ้น  ยานรบทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างไม่ลดละ  ลำแสงพลังงานแล่นข้ามท้องฟ้า  เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว 

    สทาบังคับยานรบส่วนตัวของเธอ เธอใช้ความสามารถในการบินที่เชี่ยวชาญหลบหลีกการโจมตีของแมงป่องเอเลี่ยน  และยิงใส่จุดอ่อนของยานรบฝ่ายศัตรูอย่างแม่นยำ  แต่ศัตรูก็มีจำนวนมาก  และเทคโนโลยีที่เหนือกว่า  ทำให้ Guardians of the Earth ต้องต่อสู้ด้วยความยากลำบาก

    ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป  เจ้าหน้าที่สื่อสารรีบส่งรหัสขอความช่วยเหลือไปยังฐานลับอื่น ๆ ทั่วโลกให้ช่วยส่งกองกำลังมาสนับสนุน เนื่องจากพวกแมงป่องเอเลี่ยนทะลักผ่านประตูมิติเข้ามาไม่หยุด พวกเขาหวังว่ากองกำลังมนุษย์ต่างดาวพิทักษ์โลกทั้งหมดจะสามารถต่อสู้และขับไล่พวกเอเลี่ยนชั่วร้ายนี้ให้ออกไปก่อนที่โลกจะถูกทำลาย  

    อนาคตของโลกอยู่ในมือของ Guardians of the Earth  และการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นการตัดสินชะตาชีวิตของมนุษยชาติ  ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้  ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการต่อสู้ที่ดุเดือดในสนามรบแห่งนี้

    ตุ๊ก ติ๊กและนก ตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า  พวกเธอพยายามวิ่งหนี 

    “วิ่งไปที่รถเลย” นกตะโกน “วิ่งสุดชีวิต! ไปทางนี้”

    ทั้งสามคนวิ่งไปตามเส้นทางที่นกนำไป อย่างไม่เหลียวหลังมาดู

    ตุ๊ก ติ๊ก และนก วิ่งลงจากเขากะลาอย่างไม่คิดชีวิต เสียงระเบิดและแสงวาบจากการต่อสู้ของมนุษย์ต่างดาวดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วป่า  พื้นดินสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว  นกวิ่งนำทางอย่างเชี่ยวชาญ  พาพวกเธอหลบหลีกเศษซากที่ตกลงมา  และหลีกเลี่ยงการโจมตีของกระสุนพลังงานลำแสงจากทั้งสองฝ่ายที่ปะทะกันอย่างดุเดือด

    ตุ๊กหอบเหนื่อย เหงื่อไหลท่วมหน้า แต่ก็ยังกัดฟันวิ่งต่อไป ติ๊กตัวเล็กกว่า วิ่งตามอย่างกระชั้นชิด  มือเล็กๆ จับแน่นในมือของตุ๊ก  นกวิ่งนำทางอยู่ข้างหน้า ส่งเสียงร้องเรียกเพื่อนเป็นระยะๆ

    พวกเธอวิ่งผ่านป่ารกทึบ ข้ามลำธารเล็กๆ และปีนป่ายโขดหิน ความหวาดกลัวและความเหนื่อยล้าเกาะกินจิตใจ  แต่พวกเธอก็ไม่ยอมแพ้  เพราะรู้ว่าถ้าหยุด  นั่นหมายถึงความตาย

    ทันใดนั้น พวกเธอสะดุดเข้ากับถ้ำลับ ซ่อนอยู่หลังน้ำตกขนาดใหญ่ เสียงน้ำตกดังสนั่นกลบเสียงระเบิดจากด้านนอกได้อย่างมิดชิด  นกบินเข้าไปสำรวจก่อน  แล้วส่งเสียงร้องบอกให้พวกเธอเข้าไป 

    ภายในถ้ำมืดมิด แต่ก็มีแสงสลัวๆ จากช่องเปิดเล็กๆ ที่อยู่สูงขึ้นไป ตุ๊กจุดไฟฉาย  แสงสว่างส่องไปทั่วถ้ำ  เผยให้เห็นหินงอกหินย้อยที่สวยงาม  และสิ่งที่ทำให้พวกเธอตะลึงยิ่งกว่า  คือภาพเขียนบนผนังถ้ำ  ภาพเขียนเหล่านั้น  ดูเหมือนจะเป็นแผนที่  หรืออาจจะเป็นบันทึกเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาว และอาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้พวกเธอเอาชีวิตรอดจากสงครามครั้งนี้

    ตุ๊ก ติ๊ก และนก ต่างมองหน้ากัน  ด้วยความหวัง  และความสงสัย การผจญภัยของพวกเธอยังไม่จบลง แต่กลับเริ่มต้นขึ้นใหม่ในสถานที่ลึกลับ ที่อาจจะนำพาพวกเธอไปสู่ความปลอดภัย หรืออาจจะนำพาพวกเธอไปสู่หายนะ ก็เป็นได้

    ตุ๊กหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพเขียนบนผนังถ้ำนั้นไว้ เผื่อว่าจะเป็นเส้นทางลับที่ปลอดภัยเพื่อออกจากถ้ำนั้นได้

    กองทัพแมงป่องเอเลี่ยนนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่กองกำลังน้อย ๆ ของ Guardians of the Earth แห่งฐานลับใต้เขากะลาจะรับมือได้  พวกเธอจะต้องหาทางหนีให้พ้นจากบริเวณเขากะลา  สถานที่ที่เคยดูลึกลับน่าค้นหา  แต่บัดนี้กลับกลายเป็นสมรภูมิรบอันโหดร้าย

    เสียงน้ำตกคำรามกลบเสียงระเบิดจากโลกภายนอก  ภายในถ้ำ ตุ๊ก ติ๊ก และนก ใช้เวลาศึกษาภาพเขียนบนผนังถ้ำอย่างละเอียด  นก ด้วยสัญชาตญาณอันเฉียบคมและความรู้เกี่ยวกับเส้นทางลับในป่า  สามารถแปลความหมายของภาพเขียนโบราณได้ มันชี้ไปยังเส้นทางลับที่นำไปสู่พื้นที่ปลอดภัย  เส้นทางที่ไม่ปรากฏบนแผนที่ใดๆ

    นกเดินนำทาง พาตุ๊กและติ๊กออกจากถ้ำ  พวกเธอใช้ความเร็วและความคล่องแคล่ว  วิ่งสลับซ่อนตัวไปตามร่องหิน  โพรงไม้ และรากไม้ขนาดใหญ่ หลบเลี่ยงสายตาของแมงป่องเอเลี่ยนที่ยังคงออกตามล่า  แมงป่องเหล่านั้นมีขนาดใหญ่  เกราะแข็งแกร่ง  และมีอาวุธที่ทรงพลัง  การเผชิญหน้าโดยตรงกับพวกมันหมายถึงความตาย

    ระหว่างทาง  พวกเธอต้องเผชิญกับอันตรายมากมาย  ตุ๊กและติ๊กต้องปีนป่ายหน้าผาสูงชัน  ข้ามลำธารเชี่ยวกราก  และหลบหลีกกับดักธรรมชาติต่างๆ  ความร่วมมือและความอดทนของทั้งสาม  เป็นกุญแจสำคัญในการเอาชีวิตรอด

    ในที่สุด หลังจากการเดินทางอันแสนยากลำบาก พวกเธอก็มาถึงจุดหมาย  รถกระบะคันเก่าที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่  มันไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ ยังคงใช้งานได้ นกรีบเปิดประตูรถ  เช็คสภาพเครื่องยนต์  และพบว่ามันยังสามารถสตาร์ทได้  ความโล่งใจผ่อนคลายลงมา  หลังจากการต่อสู้และการหลบหนีอันแสนทรมาน

    ติ๊กเข้าไปนั่งในรถ ตุ๊กก็ตามเข้าไป นกเกาะอยู่บนกระโปรงหน้ารถ ตุ๊กบิดกุญแจ  เครื่องยนต์คำราม  รถกระบะคันเก่าเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ ทิ้งความทรงจำอันน่าหวาดเสียวไว้เบื้องหลัง  การเดินทางยังไม่สิ้นสุด  แต่พวกเธอกำลังมุ่งหน้าไปสู่ความหวัง  สู่จุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งใหม่  ที่อาจจะนำพาพวกเธอไปสู่ความปลอดภัย  หรืออาจจะนำพาพวกเธอไปสู่การผจญภัยที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมก็เป็นได้

    ด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอด และความรู้เกี่ยวกับเส้นทางที่ซ่อนเร้น นกก็สามารถพาตุ๊กกับติ๊กสามารถหลบหนีการโจมตีของพวกแมงป่องเอเลี่ยนได้ 

    สัญญาณโทรศัพท์มือถือหายไป อาจเป็นเพราะเสาสัญญาณบริเวณรอบ ๆ สนามรบถูกทำลายไป พวกเธอตัดสินใจมุ่งหน้าลงไปทางตะวันตกเฉียงใต้ แล้วค่อยกลับไปบ้านของนกในตัวเมืองจังหวัดนครสวรรค์ก่อน  แล้วหวังว่าจะพบที่หลบภัยจากภัยอันตรายในครั้งนี้ให้ได้

    รถกระบะคันเก่าวิ่งฝ่าดงกระสุนพลังงานลำแสงของทั้งสองฝ่าย  เสียงระเบิดดังสนั่นอยู่เบื้องหลัง  ตุ๊กและติ๊กต่างกุมมือกันแน่น  ความหวาดกลัวผสมกับความหวัง  พวกเธอจะเอาชีวิตรอดจากการบุกโลกครั้งนี้ได้หรือไม่  และโลกเราจะทำอย่างไรกับมนุษย์ต่างดาวที่ชั่วร้ายเหล่านี้  คำตอบยังคงเป็นปริศนา  รอให้พวกเธอค้นหาในตอนต่อไป

     

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น